ในยุคที่ธุรกิจสินค้าแบรนด์เติบโตอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า OEM, ODM, และ OBM อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสำอาง อาหารเสริม หรือสินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ทั้งสามคำนี้มีความหมายและรูปแบบการทำธุรกิจที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะมา “ไขข้อสงสัย” ให้เข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้เจ้าของแบรนด์เลือกแนวทางการผลิตที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด
OEM (Original Equipment Manufacturer) คือ รูปแบบการผลิตที่ ลูกค้าเป็นผู้กำหนดสูตร ดีไซน์ และแบรนด์สินค้าเอง ส่วนโรงงานเป็นผู้ผลิตตามแบบที่ลูกค้าต้องการ
เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่มีสูตรหรือแนวคิดชัดเจนอยู่แล้ว และต้องการให้โรงงานช่วยผลิตสินค้าในปริมาณมาก เพื่อจำหน่ายภายใต้ แบรนด์ของตัวเอง
ตัวอย่าง:
แบรนด์อาหารเสริมที่มีสูตรเฉพาะของตัวเอง แล้วจ้างโรงงานผลิตให้ภายใต้ชื่อแบรนด์ของตน
✅ จุดเด่น: ได้สินค้าตามแบบที่ต้องการ 100%
⚙️ ข้อควรพิจารณา: ต้องมีทีมพัฒนาสูตรและดีไซน์เอง
ODM (Original Design Manufacturer) คือ รูปแบบที่ โรงงานเป็นผู้พัฒนาสูตรและดีไซน์สินค้าให้ครบวงจร ลูกค้าสามารถเลือกปรับเปลี่ยนบางส่วน เช่น โลโก้ บรรจุภัณฑ์ หรือกลิ่น/สีของผลิตภัณฑ์ได้
เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีแบรนด์เป็นของตัวเอง แต่ยังไม่มีสูตรหรือผลิตภัณฑ์ในใจ
ตัวอย่าง:
อยากทำแบรนด์ครีมบำรุงผิว แต่ยังไม่มีสูตร โรงงานจะเสนอสูตรมาตรฐานให้เลือก พร้อมผลิตและติดแบรนด์ให้ครบ
✅ จุดเด่น: สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์
⚙️ ข้อควรพิจารณา: สูตรอาจคล้ายกับแบรนด์อื่นในตลาด
OBM (Original Brand Manufacturer) คือ โรงงานที่ พัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง พร้อมจำหน่ายสินค้าในชื่อแบรนด์ของโรงงานเองโดยตรง
OBM มักเป็นขั้นต่อยอดของผู้ผลิต OEM/ODM ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์และมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์ของตน
ตัวอย่าง:
โรงงานผลิตครีมที่มีแบรนด์ของตนเอง เช่น “ThaiWa SkinLab” ผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้ชื่อแบรนด์นั้นโดยตรง
✅ จุดเด่น: มีอิสระเต็มที่ในการควบคุมคุณภาพและการตลาด
⚙️ ข้อควรพิจารณา: ต้องมีงบลงทุนและทีมบริหารแบรนด์ที่แข็งแรง
หากคุณต้องการ สร้างแบรนด์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว → เลือก ODM
หากคุณมี สูตรเฉพาะและต้องการความแตกต่าง → เลือก OEM
หากคุณเป็นผู้ผลิตที่ต้องการ ต่อยอดสู่การมีแบรนด์ของตนเอง → พัฒนาเป็น OBM
การเข้าใจความแตกต่างของทั้งสามรูปแบบนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเลือกแนวทางการผลิตที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการตลาดของแบรนด์คุณมากที่สุด